โรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน: ผู้นำเล่น & เน้นปัญหาชุมชน
พิทักษ์
โสตถยาคม
โรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน (บ้านป่าเห็วอภิวงค์ประชานุกูล)
เป็นโรงเรียนอนุบาลประจำอำเภอ เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 – ประถมศึกษาปีที่ 6 ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน อยู่ห่างจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน
เขต 1 ระยะทาง 14
กิโลเมตร ปีการศึกษา 2555 นี้มีนักเรียน 401
คน มีข้าราชการครู 20 คน ครูอัตราจ้าง 5
คน นายวิลาศ ศรีพายัพ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ครูแกนนำ จำนวน 2
คน ประกอบด้วย (1) นางจิตสุภัค มานะการ ครูวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ
สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ปัจจุบันสอนวิทยาศาสตร์ในส่วนของรายวิชาเพิ่มเติม
ระดับชั้น ป.4-6 ห้องเรียนละ 1 ชั่วโมง
และ (2) นางสาวธีราภรณ์ คำฟู พนักงานราชการ
สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ (ภาษาอังกฤษ) ระดับชั้น ป.1-6 นอกจากนั้นยังมี ดร.วิชากร ลังกาฟ้า ศึกษานิเทศก์ชำนาญการพิเศษ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาลำพูน
เขต 1 เป็นผู้ให้การสนับสนุนส่งเสริมการจัดการเรียนรู้ของครูอีกด้วย
ในการติดตามผลครั้งนี้มีคณะติดตาม
4
คน ประกอบด้วย อ.วิไล แสงเหมือนขวัญ อ.วงเดือน โปธิปัน อ.สมชัย
แซ่เจีย และผม พิทักษ์ โสตถยาคม
ได้ติดตามผลการส่งเสริมให้นักเรียนใช้กระบวนการวิจัยของโรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน ในวันศุกร์ที่
1 มีนาคม 2556 ซึ่งมีกิจกรรมการพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียน
การสังเกตการสอนครูแกนนำ และการประชุมสะท้อนผลการเรียนรู้ร่วมกัน ซึ่งมีข้อค้นพบ
ดังนี้
1.
การสังเกตการสอน การสังเกตการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ในรายวิชาเพิ่มเติมของคุณครูจิตสุภัค
มานะการ สอนนักเรียนชั้น ป.4 มีนักเรียน จำนวน 26 คน เป็นชาย 11 คน หญิง 15 คน เรื่องที่สอนวันนี้เป็นเรื่อง
ขยะในชุมชน ในรายวิชา ว14201 ขยะในชุมชน 1 ซึ่งกิจกรรมต่อเนื่องหลังจากที่นักเรียนได้ไปสำรวจขยะในโรงเรียน/ บ้าน/
ชุมชน ว่าพบเห็นขยะอะไรมากที่สุด และเกิดผลกระทบอย่างไรบ้าง กิจกรรมการจัดการเรียนรู้วันนี้
เป็นการทบทวนการเรียนรู้ในกิจกรรมที่นักเรียนได้ดำเนินการผ่านมา โดยครูนำเสนอด้วย PowerPoint
เกี่ยวกับผลสรุปการสำรวจขยะในโรงเรียนจากแบบสำรวจของนักเรียนแต่ละกลุ่ม
ซึ่งพบว่าขยะที่มีมากที่สุดคือหลอดดูด และยังพบขยะประเภทอื่นด้วยแต่มีไม่มาก อาทิ
กล่องโฟม เศษเหล็ก กระป๋อง น้ำอัดลม เศษผ้า แล้วนำเสนอข้อมูลแหล่งก่อกำเนิดขยะว่ามีทั้งจากนักเรียน
ครู แม่ครัว นักการ แม่ค้า ผู้ปกครอง แขกที่มาเยี่ยมโรงเรียน สัตว์
และสรุปว่าขยะในโรงเรียนมาจากนักเรียนมากที่สุด จากนั้นครูทบทวนว่า
นักเรียนได้ใช้แบบเก็บข้อมูล จำนวน 7 ฉบับ
ในการทำโครงการสำรวจครั้งนี้ เช่น แบบสำรวจขยะในโรงเรียน แบบสรุปผล
แบบสำรวจขยะในชุมชน แบบสรุปการสำรวจขยะในชุมชน
จากนั้นครูนำเสนอข้อมูลผลการสำรวจวิธีการกำจัดขยะในชุมชนที่นักเรียนสำรวจพบ จำนวน 26
รายการ และแต่ละรายการมีข้อมูลจากการวิเคราะห์ของนักเรียนว่า
เป็นวิธีการกำจัดขยะที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
ครูซักถามนักเรียนบางคนเกี่ยวกับวิธีการกำจัดขยะบางประเภท ได้แก่ วิธีการทำน้ำหมัก
การแยกขยะ และผลเสียของการเผาขยะ ช่วงสุดท้าย ครูได้อธิบายว่า
ผลจากการสำรวจที่นักเรียนได้ดำเนินการไปแล้ว ท้ายที่สุดนักเรียนจะได้โครงงานคนละ 1
เรื่อง และครูนำตัวอย่างเอกสารรายงานโครงงานของรุ่นพี่ชั้น ป.6
มาให้นักเรียนดูว่าองค์ประกอบของรายงานมีอะไรบ้าง
และบอกนักเรียนให้ทราบว่า นักเรียนจะต้องทำผลงาน 3 ชิ้น
ได้แก่ (1) แผ่นพับ (2) ฟิวเจอร์บอร์ด
(สำหรับจัดแสดงนิทรรศการ) และ(3) เอกสารรายงานโครงงานวิทยาศาสตร์
ประเภทสำรวจ (ให้นักเรียนตั้งชื่อรายงานเอง เช่น วิธีมหัศจรรย์ในการกำจัดขยะ)
2.
ผลการพูดคุยกับผู้บริหารโรงเรียน ผอ.วิลาศ ศรีพายัพ
ได้เล่าให้ทีมติดตามฟังว่า หลังจากครูแกนนำกลับจากไปร่วมประชุมครั้งแรกของโครงการ
โรงเรียนได้นำมาลองทำ และมาคุยกันถึงผลแลปัญหาที่พบ ซึ่งโรงเรียนได้ให้ทำวิชาละ 1 หน่วยการเรียนรู้ และปีการศึกษาต่อไปจะเพิ่มเป็นวิชาละ 2 หน่วยการเรียนรู้
ที่ผ่านมาโรงเรียนได้เผยแพร่การจัดการเรียนรู้ตามจุดเน้นของโครงการไปยังโรงเรียนอื่นๆ
เป็นระยะๆ มีการสร้างความเข้าใจให้กับครูโรงเรียนต่างๆ ในวันเสาร์-อาทิตย์
ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำพูน เขต 1 รวมทั้งเปิดรับการศึกษาดูงานจากโรงเรียนที่สนใจเพิ่มเติมด้วย
เทคนิคการบริหารจัดการโครงการเพื่อเอื้ออำนวยให้ครูพัฒนางานอย่างเต็มที่ก็คือ (1)
บรรจุโครงการสร้างวัฒนธรรมการวิจัยไว้ในแผนงานโครงการของโรงเรียน (2)
สนับสนุนงบประมาณจัดการเรียนรู้และเขียนรายงานผลการสร้างวัฒนธรรมการวิจัยของในวิชาของครู
คนละ 1,000 บาท ในลักษณะกิจกรรมแลกเป้า
(นำงานมาส่งจึงได้รับเงิน) (3) สนับสนุนงบประมาณให้พัฒนาสื่อและปรับปรุงบรรยากาศการเรียนรู้ในห้องเรียน
ห้องเรียนละ 4,000 บาท (4) จัดเจ้าหน้าที่เพื่อพิมพ์งานให้ครู
ซึ่งมีครูประมาณ 50% ได้ใช้บริการเจ้าหน้าที่พิมพ์นี้ (5)
การติดตามงานใช้การพูดคุยกันในที่ประชุมทุกเดือน
แต่ก็ถือว่าทำได้ไม่เต็มที่นัก
รวมทั้งไม่ได้เข้าไปสังเกตการสอนหรือติดตามดูในห้องเรียน
3. ผลการประชุมครูผู้สอน
จากการประชุมครูแกนนำและครูผู้สนใจ
พบว่า
ครูเห็นว่าการจัดการเรียนรู้ที่ให้นักเรียนใช้กระบวนการวิจัยเป็นกระบวนการสำคัญที่ต้องปลูกฝัง
และการดำเนินการครั้งนี้มีความสอดคล้องกับจุดเน้นของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในเรื่องห้องเรียนคุณภาพ
และการเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ได้ข้อมูลสะท้อนจากที่ประชุมว่า
นักเรียนมีเจตคติที่ดีต่อการวิจัย นักเรียนตั้งใจเรียน กล้าแสดงออก
ได้ออกไปเรียนรู้ในโลกกว้าง
รวมทั้งนักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนดีขึ้นเพราะนักเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ
4. การสะท้อนคิด
ขอนำข้อความที่ได้เขียนลงสมุดนิเทศของโรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูนในวันนั้น มานำเสนอ
ดังนี้
วันนี้ข้าพเจ้านายพิทักษ์
โสตถยาคม นักวิชาการศึกษา สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา สพฐ.
กระทรวงศึกษาธิการ
ได้มาติดตามผลการใช้กระบวนการวิจัยของนักเรียนโรงเรียนอนุบาลเมืองลำพูน พร้อมด้วย
อ.วิไล แสงเหมือนขวัญ อ.วงเดือน โปธิปัน และอ.สมชัย แซ่เจีย กิจกรรมการติดตามในวันนี้
เราได้พูดคุยทำความเข้าใจกับผู้บริหารโรงเรียนเกี่ยวกับการติดตามผลครั้งนี้ว่า
มาเพื่อร่วมชื่นชมการปฏิบัติจริง ตามสภาพที่แท้จริงของโรงเรียน
ได้สังเกตการณ์สอนของครูจิตสุภัค มานะการ สอนวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระเพิ่มเติม ชั้น
ป.4
เห็นถึงความมั่นใจในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครู
ครูพยายามกระตุ้นให้นักเรียนตอบคำถาม ด้วยคำถามเพื่อการทบทวน
กิจกรรมสำรวจปัญหาขยะในโรงเรียนและชุมชน ได้เห็นว่าครูมีใบงานให้เด็กทำ จำนวน 7
ใบงาน ซึ่งมีร่องรอยว่า เด็กๆ ได้ไปสำรวจจริง หลังจากนั้น
เราได้พูดคุยกับครู นักเรียน และผู้บริหารโรงเรียนเพิ่มเติม
รวมทั้งกิจกรรมสุดท้ายคือ การพูดคุยสะท้อนผลการเรียนรู้ร่วมกับคณะครู จำนวน 7
คน
ที่ได้ผ่านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยให้นักเรียนใช้กระบวนการวิจัย
สิ่งที่เราค้นพบมีสิ่งดีๆ
ที่โรงเรียนได้ดำเนินการหลากหลาย อาทิ ผู้บริหารโรงเรียนกำหนดโครงการสร้างวัฒนธรรมการวิจัยไว้ในแผนงานของโรงเรียน
มีการสนับสนุนงบประมาณให้ครูทุกคนในการพัฒนาผลงานการจัดการเรียนรู้ด้วยวิจัย คนละ 1,000 บาท
มีการจัดปัจจัยเกื้อหนุนให้ครูรู้สึกสบายใจว่ามีคนช่วยพิมพ์งานคอมพิวเตอร์
ที่คุณครูไม่ถนัด นั่นคือ จัดจ้างครูธุรการมาช่วยพิมพ์ผลงาน นอกจากนั้น
โรงเรียนยังเห็นประโยชน์/ คุณค่าของการมีคนภายนอกมาศึกษาดูงาน
โดยส่งเสริมให้ครูแกนนำ 2 คน
ไปเป็นวิทยากรเผยแพร่ผลการดำเนินงานของโรงเรียนให้โรงเรียนอื่นได้นำไปประยุกต์ใช้
สุดท้ายก็เห็นว่า ครูทุกคนมีผลงานจากการสอน จากการจัดการเรียนรู้ให้นักเรียนใช้กระบวนการวิจัย
และการทำวิจัยของครูในลักษณะการวิจัยในชั้นเรียน รวมทั้งการวิจัยแบบ 5 บท ก็มีให้เห็นได้ทั่วไปในโรงเรียนแห่งนี้
ประเด็นเพิ่มเติมที่อยากเติมเต็มให้การดำเนินงานของนักเรียน
ครู และผู้บริหาร ให้นำไปพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ร่วมกันระหว่างครูและผู้บริหารโรงเรียน
เพื่อให้ตกผลึกเป็นข้อตกลงของโรงเรียน เป็นแบบฉบับของโรงเรียนเอง ดังนี้
·
หัวใจสำคัญของการเรียนรู้ คือ คือ ต้องกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความกระหายใคร่รู้
อยากเรียนรู้อย่างแท้จริง เพื่อให้นักเรียนเป็น “ผู้เรียนรู้ (learner)” อย่างเด่นชัด
·
จากการรับฟังความคิดของครู พบว่า
ครูมีพลังที่ต้องการพัฒนาผู้เรียนจริงๆ มีเจตนาดี หวังดี
อยากให้เด็กเรียนรู้ได้อย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ยังรู้สึกไม่มั่นใจ
ยังมีคำถามค้างคาใจที่ต้องการให้มีการสร้างความกระจ่าง ดังนั้น จึงอยากเชียร์ให้ผู้บริหารโรงเรียน
และคุณครูได้ “ตั้งกลุ่มพูดคุยกัน-แบบกันเอง” ว่า ใครทำดีได้เพียงใด
มีความภาคภูมิใจอย่างไร ก็เชื่อว่า บรรยากาศของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แบบกัลยาณมิตร
จะช่วยหนุนเสริมให้เกิดเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ของครูทั้งโรงเรียน ก็เชื่อได้ว่า
พลังของครูแต่ละคนจะช่วยเกื้อหนุนให้เกิดการเติมเต็มซึ่งกันและกันอย่างดียิ่ง
·
การพัฒนาผู้เรียนเป็นเรื่องของการดำเนินงานเชิงคุณภาพ
ผลงานเด็กที่เกิดขึ้น จึงควรมีวิธีการประเมินด้วยหลักการเชิงคุณภาพด้วย
จึงควรศึกษาแนวทางการใช้ระดับคุณภาพ (Rubrics) มาใช้ในการประเมินคุณภาพผู้เรียน
มากกว่าเพียงใช้คะแนนสอบแบบเลือกตอบเพียงอย่างเดียว
ขอเป็นกำลังใจ
และชื่นชมในการปฏิบัติของคณะครูทุกท่าน หวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ผลการดำเนินงานของโรงเรียนที่ดูได้จาก “ตัวเด็ก” จะโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์
ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของโรงเรียนอื่นๆ ต่อไป”
........................................