โครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนเริ่มดำเนินการในเดือนธันวาคม
2557
ด้วยการสร้างความเข้าใจในเป้าหมายและแนวทางดำเนินการกับผู้บริหารโรงเรียนและเขตพื้นที่การศึกษา
มุ่งหวังให้เป็นการปฏิรูปการศึกษาในระดับปฏิบัติการ
เพื่อยกระดับคุณภาพด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ทักษะศตวรรษที่ 21
และคุณลักษณะความเป็นพลเมืองไทยที่ดี
และมีหลักฐานเชิงประจักษ์ของการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น
เป็นการมุ่งเน้นที่การปฏิรูปการเรียนรู้ทั้งโรงเรียน ปรับการเรียน
เปลี่ยนวิธีพัฒนาครู เป็นการพัฒนาครูด้วยการสร้างระบบการชี้แนะและการเป็นพี่เลี้ยง
(Coaching
and Mentoring) มีมหาวิทยาลัยและมูลนิธิเข้าร่วมเป็นพี่เลี้ยง
เน้นให้นำผลจากการปฏิบัติการสอนมาเรียนรู้ร่วมกัน หรือการติดตั้งระบบ AAR
(After Action Review) เป็นการปฏิรูปการศึกษาที่ปรับปรุงจากฐานโรงเรียน
มีผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้นำทางวิชาการ
เอาใจใส่ดูแลการจัดการเรียนการสอนของครูอย่างใกล้ชิด และนำข้อสังเกตที่พบจากห้องเรียน
ไปสู่การปรับปรุงพัฒนาผู้เรียนและพัฒนากระบวนการจัดการเรียนรู้
โดยมีผู้บริหารของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ให้การส่งเสริมสนับสนุนหลัก ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2558
มีโรงเรียนร่วมดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว จำนวน 300 โรงเรียน ในพื้นที่ 20
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา เขตพื้นที่ละ 15 โรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาเจาะจงเลือกเพื่อนำร่องยกระดับคุณภาพการเรียนรู้
ผลที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานในเชิงกระบวนการ
ได้แก่ การสร้างความเข้าใจในจุดเน้นการดำเนินงาน การวางแผนงาน ตั้งทีมงาน
การศึกษาดูงาน การร่วมประชุมสัมมนา การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ AAR การประสานร่วมมือกับทีมโค้ชภายนอกด้วยงบประมาณดำเนินการ
จำนวน 220,000 – 300,000 บาท/ เขต เพื่อให้ทีมโค้ชภายนอกช่วยสร้างทีมโค้ชภายในเขตและโรงเรียนของแต่ละสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
การนิเทศติดตามโดยผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและคณะทำงานของเขต
จากการรายงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้สะท้อนให้เห็นว่า
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาได้ลดการสั่งการลง มีการกลั่นกรองงานหรือหลอมรวมงานก่อนให้โรงเรียนปฏิบัติ
มีการบูรณาการงบประมาณ
มีการปรับเปลี่ยนตารางสอนให้เอื้อต่อเป้าหมายของการพัฒนานักเรียนและกิจกรรมการเรียนการสอน
มีการพัฒนาครูที่เน้นให้นำความรู้ไปใช้ในการปฏิบัติการสอน
จัดครูเก่งสอนชั้นเรียนที่มีความสำคัญ เช่น ชั้น ป.1 ให้ครูเตรียมการก่อนสอน เช่น
เขียนแผนการสอนหน้าเดียว ผู้บริหารและครูตระหนักถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิรูปและทบทวนการทำงาน
มองเห็นจุดที่จะต้องพัฒนาและปรับปรุงตนเอง ทีมงานเข้มแข็งมากขึ้นจากการพูดคุยหารือร่วมกันแก้ปัญหา
มีกลไกการจัดการผลสัมฤทธิ์
บูรณาการลดชั่วโมงการสอน ติดตั้งระบบ coaching/ AAR และจากการติดตามผลการดำเนินงานโครงการของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พบว่า โรงเรียนส่วนใหญ่มีการวางระบบสะท้อนผลหลังการสอน หรือ AAR สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาส่วนใหญ่มีการสนับสนุนด้านวิชาการและการนิเทศ ให้โรงเรียนสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น
เห็นถึงความพยายามและความก้าวหน้าที่จะปรับเปลี่ยนการบริหารจัดการและการจัดการเรียนรู้เพื่อผู้เรียน
มติของคณะกรรมการอำนวยการโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2558 ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย)
เป็นประธาน ให้ดำเนินการ 3 ข้อ คือ (1)
ให้มีการดำเนินการต่อเนื่องในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ระยะที่ 1 จำนวน 20 เขต
โดยให้พัฒนาคุณภาพและคงคุณภาพของโรงเรียน จำนวน 15 โรงเรียนไว้ให้ได้
และให้ขยายโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายเพิ่มขึ้นตามกำลังและความสามารถของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
โดยเพิ่มโจทย์ของการเตรียมนักเรียนให้พร้อมเผชิญอนาคตด้านการเรียนรู้เพื่อการมีงานทำ
มีความพร้อมและมีฝีมือในการประกอบอาชีพ ที่สอดคล้องกับช่วงวัยของนักเรียน (2) ให้ดำเนินการระยะที่ 2
ในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากลุ่มเป้าหมาย จำนวน 40 เขต
โดยให้แต่ละเขตเลือกพัฒนาโรงเรียนกลุ่มเป้าหมายที่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ยังไม่ดี
เขตละอย่างน้อย 15 โรงเรียน และ (3)
ให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยเตรียมการวิจัยถอดบทเรียนเพื่อใช้ประโยชน์ของข้อมูล/
ข้อค้นพบที่ได้มาอย่างเป็นระบบจากเขตพื้นที่และโรงเรียนในโครงการ อาทิ
ความรู้ด้านชุดสมรรถนะครู ผู้บริหารโรงเรียน ผู้บริหารสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ศึกษานิเทศก์
เพื่อนำไปใช้ในการขยายผลเข้าสู่ระบบให้มีผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาสมรรถนะใหม่ที่พึงประสงค์ของบุคลากรในโรงเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
รวมถึงระบบการผลิตครูและพัฒนาครูทั่วประเทศต่อไป
สถานการณ์ปัจจุบัน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานได้ชะลอการอนุมัติดำเนินงานโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากลุ่มใหม่
จำนวน 40 เขต และกลุ่มเดิม จำนวน 20 เขต มีงบประมาณส่วนที่เหลือ จำนวน 57,034,966
(ห้าสิบเจ็ดล้านสามหมื่นสี่พันเก้าร้อยหกสิบบาทถ้วน) สำนักนโยบายและแผนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
และ สพฐ.ได้ขอกันเงินส่วนนี้ไปดำเนินการ โดยจัดสรรให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
จำนวน 48 เขต เพื่อส่งเสริมพัฒนาการจัดการเรียนการสอนและยกระดับคุณภาพการศึกษา
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 จำนวน 50,048,000 บาท (ห้าสิบล้านสี่หมื่นแปดพันบาทถ้วน)
สรุปงบประมาณสุทธิที่ใช้ในการดำเนินงานโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียน
ตลอดปีงบประมาณ 2558 จำนวน 22,775,534 บาท (ยี่สิบสองล้านเจ็ดแสนเจ็ดหมื่นห้าพันห้าร้อยสามสิบสี่บาทถ้วน)
จำแนกเป็น งบประมาณที่โอนจัดสรรให้เขตพื้นที่ดำเนินการ
จำนวน 21,385,000
บาท (ยี่สิบเอ็ดล้านสามแสนแปดหมื่นห้าพันบาทถ้วน) คิดเป็นร้อยละ
93.89 และงบประมาณที่ส่วนกลางใช้ดำเนินการ จำนวน 1,390,534 บาท (หนึ่งล้านสามแสนเก้าหมื่นห้าร้อยสามสิบสี่บาทถ้วน)
คิดเป็นร้อยละ 6.11
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่โครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนมุ่งเน้น
ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพการจัดการเรียนรู้ การส่งเสริมทักษะการเรียนรู้
ทักษะการใช้ชีวิต คุณลักษณะที่พึงประสงค์ของผู้เรียน
จำเป็นอย่างยิ่งที่ครูจะต้องได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง มีการดำเนินการตามระบบการนิเทศภายใน
หรือระบบ AAR เพื่อให้ได้สะท้อนผลการปฏิบัติงานของตนเองเป็นประจำสม่ำเสมอ
ซึ่งผู้บริหารโรงเรียนมีส่วนสำคัญยิ่งที่จะเป็นผู้นำขับเคลื่อนและปรับปรุงระบบดังกล่าว
ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ลักษณะครูและผู้เรียน รวมทั้งจุดเน้นของนโยบายการศึกษา โดยเฉพาะนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
(พลเอก ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ) ที่ให้ไว้ครั้งมารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม
2558 ได้ความสำคัญกับเทคนิคการสอนและการสื่อความหมาย
การลดภาระงานที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนการสอนของครู
เพื่อให้ครูมีเวลาทุ่มเทให้กับการสอนนักเรียนอย่างจริงจัง
การประเมินเพื่อความก้าวหน้าต้องสอดคล้องกับผลการพัฒนาผู้เรียน ทั้งความรู้
คุณลักษณะ และทักษะชีวิต นอกจากนั้น ในวันที่ 23 กันยายน 2558
รมว.ศธ.ยังได้ให้แนวนโยบายแก่ผู้บริหาร สพฐ. หนึ่งในนโยบายนั้นได้เน้นการพิจารณา/
หากลไกช่วยให้ครูมีเทคนิคการเรียนการสอนที่ดีและน่าสนใจ รวมทั้งให้เน้น AAR
(After Action Review) ในการทบทวนการดำเนินงานหลังจากที่ได้ดำเนินการเรื่องต่างๆ
ไปแล้ว ดังนั้น จะเห็นว่า แนวนโยบายเอื้อให้โรงเรียนและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
สามารถดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป ในการปรับการบริหารจัดการ
และปรับการเรียนการสอน ในแบบแผนที่ได้ร่วมมือรวมพลัง ริเริ่ม
และพยายามพัฒนาต่อเนื่องตลอดมา จนเห็นถึงความก้าวหน้าและแนวโน้มของความสำเร็จ
นั่นคือ ความก้าวหน้าด้านความรู้ ทักษะ คุณลักษณะ และความสุขของผู้เรียน
รวมทั้งผู้ร่วมอยู่ในชุมชนแห่งการเรียนรู้ทางวิชาชีพครูทุกคน
-----------------------------------------